ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Technology and Innovation Center : DTIC) “ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล” มีหน้าสำคัญ คือ การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลแบบครบวงจร เพื่อผลักดันและสนับสนุนโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศในทุกๆด้าน ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในโรงเรียนอย่างเต็มศักยภาพ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ค้นคว้า และการวิจัยในการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถในการบริการทางด้านดิจิทัลให้กับ นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน และสร้างระบบนวัตกรรมของเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนในโลกอนาคตรวมทั้งผลักดันการพัฒนาโครงการนวัตกรรมต่างๆของโรงเรียนให้บรรลุผลสำเร็จอย่างยั่งยืน. DTIC : Service Express DTIC : Digital Technology DTIC : Innovation DTIC : แจ้งข้อเสนอแนะ/ร้องเรียน Digital Citizenship คืออะไร 8 ทักษะ พลเมืองดิจิทัล ที่เด็กไทยต้องมี! Digital Citizenship คือ พลเมืองผู้ใช้งานสื่อดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าใจบรรทัดฐานของการปฏิบัติตัวให้เหมาะสม มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม มีความเห็นอกเห็นใจและเคารพผู้อื่น ในการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารในยุคดิจิทัล. >> เรียนรู้ 8 ทักษะ ความเป็นพลเมืองดิจิทัล ปรับตัวสู่ชิวิตวิถีใหม่ << ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตการณ์โควิด19 หลายๆคนก็อาจจะยังไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์มากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์โควิด19 เราทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่กับรูปแบบที่เรียกว่า New Normal ชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งทำให้พวกเราทุกคนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์ การสั่งอาหาร หรือแม้แต่การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดด้วบบริการ e-payment ต่างๆ อีกทั้งยังทำให้เราได้มีโอกาสพบปะผู้คนบนโลกออนไลน์มากขึ้น และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราทุกคนจะต้องมีทักษะความเป็นพลเมืองดิจิทัล 8 ทักษะที่ทุกคนต้องมี เพื่อให้อยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย มาดูกันเลยว่ามีทักษะอะไรบ้างที่จะต้องเรียนรู้กัน… 1. Digital identity : อัตลักษณ์ในโลกดิจิตอล ความสามารถในการสร้างและจัดการเอกลักษณ์และชื่อเสียงบนออนไลน์ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคดิจิทัล จะต้องมีทักษะในการสร้างบริหารอัตลักษณ์และชื่อเสียงในโลกออน ไลน์ ของตัวเองให้เป็น ซึ่งรวมถึงการตระหนักถึงบุคคลออนไลน์และการจัดการผลกระทบกับตัวตนในโลกออนไลน์ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาวด้วย เช่น รู้ว่าอะไรควรโพสต์ ควรแชร์ ควรแสดงความคิดเห็น เป็นต้น 2. Digital use : การใช้เครื่องมือและสื่อดิจิตอล ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลและในยุคดิจิทัลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยสามารถสร้างสมดุลให้กับชีวิตออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างดี ไม่ใช่ดังที่เห็นในปัจจุบัน คือ หลายคนถูกเทคโนโลยีใช้ ไม่ใช่ใช้เทคโนโลยี 3. Digital safety : การอยู่ในโลกดิจิตอลอย่างปลอดภัย ความสามารถในการจัดการความเสี่ยงทางออนไลน์ เช่น การกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (cyber-bullying) การเหยียดผิว-เหยียดชนชั้น รวมไปถึงเนื้อหาต่างๆ ที่สุ่มเสี่ยง เช่น เนื้อหาที่มีความรุนแรง โป๊เปลือย ลามก หยาบคายได้ 4. Digital security : ความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ (เช่น การแฮ็ก การหลอกลวง มัลแวร์) เพื่อทำความเข้าใจแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและการใช้เครื่องมือความปลอดภัยที่เหมาะสมสำหรับการปกป้องข้อมูล 5. Digital emotional intelligence ความสามารถในการเอาใจใส่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นทางออนไลน์ 6. Digital communication ความสามารถในการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อ 7. Digital literacy ความสามารถในการค้นหาประเมินผลใช้แบ่งปันและสร้างเนื้อหาตลอดจนความสามารถในการคิดคำนวณ 8. Digital rights ความสามารถในการทำความเข้าใจและรักษาสิทธิส่วนบุคคลและกฎหมายรวมถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวทรัพย์สินทางปัญญาเสรีภาพในการพูดและการป้องกันจากคำพูดแสดงความเกลียดชัง ที่มา :https://icdl.online.th/content/2202/ DTIC : TRAINING การผลิต Social Media อย่างสร้างสรรค์ (กิจกรรม Up Skills) Summer 2022 วันที่ 21 มีนาคม - 23 เมษายน 2565 >> คลิกที่นี่ โครงการระบบเครื่องลูกข่ายแบบเสมือน โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย (Virtual Desktop Infrastructure : VDI Server) เพื่อรองรับการเรียนการสอน ปีการศึกษา 2565>>คลิกที่นี่ ทีม IT มงฟอร์ต เข้าดูงานระบบ Server + VDI คณะวิศวฯ มช.>>คลิกที่นี่ มงฟอร์ต นำร่องโรงเรียนต้นแบบด้าน Digital และ Programing จับมือยักษ์ใหญ่พัฒนาหลักสูตร ร่วม Code School Finland>> คลิกที่นี่ อบรมโปรแกรมสำเร็จรูป และการใช้ SWIS ให้กับบุคลากร >>คลิกที่นี่ ติดตั้งกระดานอัจฉริยะ Interactive ของโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้งานและมีสภาพดี บริจาคและติดตั้งให้ มูลนิธิพรสวรรค์ PHONSAWAN FOUDATION >>คลิกที่นี่ คลังความรู้ Online Metaverse Metaverse คือ เทคโนโลยีดิจิทัลที่ก้าวไปอีกขั้นจากปัจจุบันที่จะช่วยผสานโลกเสมือนจริงคู่ขนานไปกับโลกจริงทางกายภาพ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างตัวตนและทำแทบทุกกิจกรรมได้ในโลกเสมือนแบบ 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็น การไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศหรือรับชมมหกรรมกีฬา/คอนเสิร์ตระดับโลกได้โดยไม่ต้องเดินทาง กระดานข่าวเทคโนโลยี >> 10 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2021 จาก MIT>> 5 เทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัล กระแสแรงแห่งปี 2021>> รวม 7 เทคโนโลยีเปลี่ยนอนาคตมนุษย์ในอีก 10 ปีข้างหน้า>> รวมที่สุดของเทคโนโลยีล้ำสมัย 2021 ให้คุณได้รู้ทันเทรนด์ก่อนใคร>> SMART CLASSROOM คืออะไร และ ต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาครัฐ โดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ Electronic Transactions Development Agency สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 9 เว็บไซต์ แหล่งการเรียนรู้ออนไลน์ ที่หาไม่ได้จากในห้องเรียน 1. Khan Academyเว็บไซต์ Khan Academy เป็นเว็บที่รวบรวมข้อมูลการเรียนรู้ไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ ฯลฯ โดยจะใช้วิดีโอเป็นสื่อในการสอน แถบยังมีการเก็บสถิติการเรียนรู้ของเราไว้อีกด้วยhttps://www.khanacademy.org/ 2. DataCampด้วยความที่เครือข่ายข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำให้เว็บไซต์ Data Camp เป็นสื่อในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเข้ารหัสของข้อมูลประเภทต่างๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าข้อมูลในแต่ละชนิดมีวิธีการเข้ารหัสอย่างไร https://www.datacamp.com/ 3. Quoraเป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าไปตั้งคำถามที่ตนสงสัยหรืออยากรู้เกี่ยวกับอะไรก้สามารถเข้าไปตั้งคำถามได้เลย ซึ่งจะมีผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยตอบคำถามเหล่านั้นให้ แต่ถ้าเราไม่กล้าถามก็ให้ลองดูกระทู้ก่อนหน้าเราก่อนก็ได้ เพราะอาจจะมีคนถามในสิ่งที่เราอยากรู้ไปก่อนแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้ https://www.quora.com/ 4. TED-Edเว็บ TED-Ed เป็นแหล่งรวบรวมบทเรียนเอาไว้มากมาย และยังรวมถึงบทเรียนที่เคยได้รับรางวัลต่างๆ ก็ถูกนำมาไว้ที่นี่หมด นอกจากนี้เรายังสามารถอัพโหลดวิดีโอของตนเองลงไปในเว็บได้ เพื่อเป็นการตั้งประเด็นให้คนมาพูดคุยกันได้อีกด้วยhttp://ed.ted.com/ 5. Instructablesเว็บนี้จะเน้นวิดีโอเป็นสื่อในการเรียนรู้ในหัวข้อที่ไร้ขอบเขต ที่จะให้เราเพลิดเพลินไปกับการเรียนและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าใครมีความรู้ใหม่ๆ แล้วอยากจะแชร์ก็สามารถโพสต์วิดีโอของตนเองลงในเว็บไซต์ก็ได้เหมือนกันhttp://www.instructables.com/ 6. Project Gutenbergสำหรับเว็บนี้เปรียบเสมือนห้องสมุดออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่มี E-Book ฟรีๆ ให้เราได้ดาวน์โหลดกันมากกว่า 50,000 เล่ม และถ้าใครอยากจะลองเขียนหนังสือดูบ้างก็สามารถทำได้ โดยการสร้าง E-Book ขึ้นมาได้ในเว็บ และก็สามารถแชร์ให้กับผู้อื่นได้อ่านด้วยเช่นกันhttp://www.gutenberg.org/wiki/Main_Page 7. UdemyUdemy เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทเรียนเอาไว้มากกว่า 30,000 บทเรียนด้วยกัน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปตามหัวข้อวิชานั้นๆ และบทเรียนในเว็บนี้ยังมีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลาโดยผู้เชี่ยวชาญในแขนงวิชาต่างๆhttps://www.udemy.com/ 8. Digital Photography Schoolเว็บนี้เหมาะมากๆ เลยกับคนที่ชื่นชอบในการถ่ายรูป เพราะไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรือมีสกิลในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม เว็บไซต์ Digital Photography School จะช่วยพัฒนาทักษะในการถ่ายรูปของคุณได้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งบทความดีๆ และพื้นที่ให้กับผู้ที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบกรณ์กันได้อย่างเต็มที่https://digital-photography-school.com/ 9. Courseraเว็บไซต์นี้มีบทเรียนมากกว่า 800 บทเรียน ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับพวกวิศวกรรมทางการเงิน ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยทำให้เราได้พัฒนาตัวเองได้ในหลายๆ ด้านhttps://www.coursera.org เว็บไซต์ “สุดยอดแหล่งเรียนรู้ออนไลน์” ให้คุณได้เข้าไปใช้แบบฟรีๆ Udemy Coursera Online Skillshare edX Khan Academy TedEd Courses